โรคตาเด็ก ภัยที่เกิดจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล
โรคตาเด็กในยุคดิจิทัล เกิดจากการใช้เวลาไปกับการจ้องหน้าจอนานๆ ทำให้เกิดปัญหาทางสายตา เช่น ตาล้า ตาแห้ง และปวดศีรษะ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด (Covid-19) ซึ่งส่งผลให้เด็กๆจะต้องทำการเรียนออนไลน์ที่บ้าน และใช้เวลาไปกับหน้าจอดิจิทัลมากกว่าปกติเป็นเวลาหลายชั่วโมงต่อวัน
การใช้เวลาไปกับการจ้องจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์เป็นเวลานานๆ จะพบภาวะสายตาสั้นได้มากกว่า ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้เป็นการเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาทางด้านสายตาและสุขภาพตา เพราะแสงสีน้ำเงิน (Blue light) จากอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโน้ตบุ๊ค แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟน อาจเป็นอันตรายต่อดวงตาของเด็กๆ ทั้งสิ้น และการเล่นอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเวลานานๆ จะนำมาซึ่งปัญหาและผลกระทบต่อเด็ก ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว
ภัยที่เกิดจากการใช้อุปกรณ์ดิจิทัล ที่ส่งผลต่อสายตาเด็กที่พ่อแม่อาจมองข้าม ประกอบด้วย
- ภาวะตาล้า (Digital Eye Strain) เกิดจากการจ้องจอมากเกินไปเป็นระยะเวลานานๆ ก็จะทำให้การหดตัวของกล้ามเนื้อเล็กๆ ในตาหดตัวเกือบตลอดเวลาทำให้มีอาการตาล้า จึงเป็นที่มาของการมองเห็นที่พร่ามัวชั่วคราว
- โรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) โดยแสงสีน้ำเงินจากอุปกรณ์ดิจิทัล จะกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระ ซึ่งจะทำลายเซลล์ประสาทตา หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้
- โรคสายตาสั้นมาก (pathological myopia) การเพ่งอยู่หน้าจอเป็นระยะเวลานานกว่า 5 ช.ม ต่อวัน โดยเฉพาะในระยะน้อยกว่า 20 ซ.ม. นานกว่า 45 นาที เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดภาวะสายตาสั้นได้เร็วและมากขึ้นในเด็ก ไม่เพียงภาวะสายตาสั้นเพิ่มขึ้นเร็วกว่าปกติ แต่ยังเสียบุคลิกภาพ เพราะต้องหยีตาตลอด เมื่อเด็กมองไม่ชัด ซึ่งภาวะสายตาสั้นทำให้จำเป็นต้องหยีตามองสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในระยะไกลตลอดเวลา ซึ่งมีผลต่อวิสัยทัศน์และบุคลิกภาพของเด็กๆอย่างแน่นอน
และเพื่อเป็นการปกป้องและถนอมสายตาของเด็กๆ คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยดูแลโดย
- เลือกใช้แว่นตาที่มีเลนส์กรองแสงสีน้ำเงิน
- พักสายตาด้วยเทคนิค 20-20-20
- กำหนดระยะห่างระหว่างสายตากับหน้าจอ
- ปรับขนาดตัวอักษรบนหน้าจอดิจิทัล ไม่ให้มีขนาดเล็กจนเกินไป
- ใช้จอคอมพิวเตอร์ที่เหมาะสมและปรับแสงสว่างหน้าจอให้พอเหมาะ
นอกจากนี้แล้ว ยังสามารถนำน้องๆ เข้ารับบริการการตรวจวัดสายตาด้วยเทคโนโลยีที่แม่นยำและทันสมัยที่สุดระดับโลกอย่างระบบ KTAC ที่มีความละเอียดมากถึง 15 ขั้นตอน พร้อมด้วยการให้บริการและให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิดโดย Style advisor หรือพนักงานผู้เชี่ยวชาญประจำสาขาที่ได้รับการอบรมความรู้ตามมาตรฐานสากลจากร้านแว่นตา KT OPTIC ได้เลยค่ะ