มองจอทั้งวัน ระวัง ! ตาแห้ง ไม่รู้ตัว หลายคนอาจจะยังไม่รู้ ตาแห้งอันตรายกว่าที่คิด…
ตาแห้ง หรือ Dry eye เป็นภาวะที่น้ำตาไม่เพียงพอในการหล่อเลี้ยงดวงตา ซึ่งอาการนี้หากปล่อยไว้นานๆหรือเป็นบ่อยๆ อาจส่งผลทำให้เกิดแผลที่กระจก กระจกตาไม่เรียบ ผิวกระจกตาอักเสบ หรือในบางรายอาจร้ายแรงจนทำให้เกิดตาบอดได้
สาเหตุ ตาแห้งยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ผลการวิจัยพบว่ามีหลายปัจจัยที่ทำให้ตาแห้งได้ ได้แก่
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายเราจะผลิตน้ำตาลดลง ซึ่งเพศหญิงจะมีโอกาศพบได้บ่อยกว่าเพศชาย โดยเฉพาะเพศหญิงวัยหลังหมดประจำเดือน เป็นผลมาจากระดับฮอร์โมนที่ลดลง
- ใช้สายตาติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น อ่านหนังสือ หรือใช้งานหน้าจอคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟน
- การใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่เหมาะสมหรือไม่มีคุณภาพ
- การผ่าตัดกระจกตาหรือเลสิค
- การทำงานของเปลือกตาบกพร่อง เช่น หลับตาไม่สนิท กระพริบตาน้อย เปลือกตาผิดรูป
- ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาลดน้ำมูก ยารักษาภูมิแพ้ ยาคลายเครียด เป็นต้น
- สภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่น ลม หรือบริเวณที่มีอากาศแห้ง
อาการตาแห้ง – แสบตา เคืองตา ฝืดตา รู้สึกไม่สบายตาเหมือนมีเศษฝุ่นอยู่ในตา
– เมื่อยตา เจ็บตา ขณะกะพริบตา รู้สึกหนักตา
– ตาแดง น้ำตาไหลมาก การมองเห็นอาจลดลง หรือมองภาพไม่ชัดเท่าที่ควร
การดูแลและป้องกัน
- หลีกเลี่ยงการปะทะโดยตรงกับแดดและลมโดยสวมแว่นตากันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้ง
- กระพริบตาให้บ่อยขึ้น ทุกครั้งที่กระพริบตา เปลือกตาจะรีดน้ำตาให้มาฉาบผิวกระจกตา
- สำหรับผู้ที่ตาแห้งมาก อาจใช้กรอบแว่นชนิดพิเศษที่มีแผ่นคลุมปิดกันลมด้านข้าง
- ใช้น้ำตาเทียม เพื่อหล่อลื่นและให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา
- ใส่แว่นกันแดด ที่มีคุณสมบัติสามารถป้องกัน UV หรือแว่นที่เป็นเลนส์ปรับแสง เพื่อช่วยถนอมสายตาเมื่อต้องออกกลางแจ้ง หรือเลนส์ที่ช่วยป้องกันแสงสีฟ้า ที่มีคุณสมบัติ ป้องกันอาการเจ็บ อาการเคืองตา จากการจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานได้
- หากใส่คอนแทคเลนส์ ควรเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีค่าอมน้ำสูง ผลิตจาก Silicone Hydrogel เป็นคอนแทคเลนส์ที่ให้ Oxygen ไหลผ่านเข้าตาเราได้มากกว่าคอนแทคเลนส์เนื้อปกติ ใส่คอนแทคเลนส์รายวัน หรือใส่คอนแทคเลนส์ให้น้อยลง หันมาใส่แว่นแทน เพื่อลดการเกิดอาการตาแห้ง